สรุปคำสั่งสรรพากร “ภาษีแหล่งรายได้จากต่างประเทศ ” เริ่ม 1 ม.ค.67

ภาษีแหล่งรายได้จากต่างประเทศ

สรุปคำสั่งสรรพากร “ภาษีแหล่งรายได้จากต่างประเทศ หากมีการโอนเข้าไทยต้องเสียภาษีเงินได้” เริ่ม 1 ม.ค.67

ก่อนพูดถึงภาษีแหล่งรายได้จากต่างประเทศ Chic Accounting ต้องขอย้อนความก่อนว่า หลักการในการเสียภาษีของไทยจะประกอบด้วย

  1. แหล่งเงินได้ เงื่อนไขคือ แหล่งรายได้จากไทย หรือ แหล่งรายได้จากต่าประเทศ
  2. หลักถิ่นที่อยู่ มีเงื่อนไข คือ อยู่ในประเทศไทยครบ 180 วัน และมีการนำรายได้ในปีนั้นเข้ามา จึงจะต้องนำมาคำนวณภาษีในปีนั้น

ซึ่งจะต้องมีครบทั้ง 2 เงื่อนไข คือ แหล่งเงินได้ และแหล่งที่อยู่ จึงจะนำเงินได้มาคำนวณเพื่อเสียภาษี

ยกตัวอย่างเช่น

ภาษีเงินได้ในประเทศ

  1. ผู้มีรายได้ในประเทศไทย และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย จะต้องนำเงินได้ดังกล่าวมาคำนวณเพื่อเสียภาษี

  2. ผู้มีรายได้ในประเทศไทย แต่อยู่ไทยไม่ครบ 180 วัน จะต้องนำเงินได้ที่ได้จากประเทศไทยมาคำนวณเพื่อเสียภาษี

ภาษีแหล่งรายได้จากต่างประเทศ

  1. มีแหล่งเงินได้จากต่างประเทศ มีการเดินทางเข้ามาและอยู่ในประเทศไทยเกิน 180 วัน ของปีนั้น พร้อมทั้งนำเงินได้จากต่างประเทศที่เกิดในปีนั้นเข้ามาด้วย กรณีดังกล่าว เงินได้นั้นจะไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี

  2. มีแหล่งเงินได้จากต่างประเทศ มีการเดินทางเข้ามาและอยู่ในประเทศไทยเกิน 180 วัน ของปีนั้น แต่ไม่ได้นำเงินได้เข้ามาในปีเดียวกัน กรณีดังกล่าว เงินได้นั้นจะไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี

  3. มีแหล่งเงินได้จากต่างประเทศ มีการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยไม่เกิน 180 แต่มีการนำเงินได้เข้ามาในปีเดียวกัน กรณีดังกล่าว เงินได้นั้นจะไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี

ซึ่งหลักดังกล่าว ทำให้คนส่วนใหญ่ มักมีการวางแผนภาษีโดยการอยู่ในประเทศไทยไม่เกิน 180 วัน หรือ นำเงินได้จากต่างประเทศเข้ามาในเทศไทยในปีถัดไปแทน

แต่ ณ วันที่ 15 กันยายน สรรพากรได้มีการออกคำสั่ง  ป. 161/2566 มาเปลี่ยนแนวทางปฎิบัติในการตีความกฎหมายใหม่ ภาษีแหล่งรายได้จากต่างประเทศ เป็นกรณีที่มีเงินได้ต่างประเทศ และผู้มีเงินได้อยู่ในไทยตั้งแต่ 180 วันขึ้นไป ไม่ว่าจะนำเงินได้เข้าปีไหน ให้เอามาคำนวณเพื่อเสียภาษีในปีนั้น เนื่องจากประเทศไทยได้มีการเข้าร่วมเป็นสมาชิก Global Forum on Transparency and exchange of information for tax Purposes และลงนามในความตกลงพหุภาคว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริการภาษี และความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติ ทำให้กรมสรรพากรจำเป็นต้องปรับปรุงการจัดเก็บภาษี (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/72334 )

โดยสามารถสรุปคำสั่งสรรพากรได้ดังนี้

  1. หากมีเงินได้จากต่างประเทศ มีการเดินทางเข้ามาและอยู่ในประเทศเกิน 180 วัน ไม่ว่าจะนำเงินได้เข้าปีไหน ให้เอามาคำนวณเพื่อเสียภาษีในปีนั้น

  2. หากมีเงินได้จากต่างประเทศ มีการเดินทางเข้ามาแต่อยู่ในประเทศไทยไม่เกิน 180 วัน ไม่ว่าจะนำเงินได้เข้าปีไหน ก็ไม่ต้องเอาเงินได้มาเสียภาษี

 

นอกจากนี้ยังมีคำถามที่ตามมาอีกว่า หากมีเงินได้ที่ต่างประเทศ และมีการเสียภาษที่ต่างประเทศแล้ว จะต้องมีการเสียภาษีที่ประเทศไทยอีกหรือไม่

ในกรณีที่อยู่ไทยไม่ครบ 180 วัน ไม่ว่าจะนำเงินได้เข้าปีไหน ก็ไม่ต้องเอาเงินได้มาเสียภาษี

ในกรณีที่อยู่ไทยครบ 180 วัน

ในกรณีดังกล่าว จะต้องพิจารณาดังนี้

  • ต้องพิจารณาว่า ประเทศที่เราเสียภาษีมีการทำอนุสัญญาภาษีซ้อน (Double Tax Agreement) กับประเทศไทยหรือไม่ (สามารถดูอนุสัญญาภาษีซ้อนที่ประเทศไทยได้ทำข้อตกลงได้ที่นี่ https://www.rd.go.th/765.html)
  • หากมีการทำอนุสัญญา ภาษีซ้อน (Double Tax Agreement) กับประเทศไทย จะต้องพิจารณาเงื่อนไขที่ทั้ง 2 ประเทศ ได้มีการตกลงกัน โดยหลักๆ จะแบ่งเป็น 2 เงื่อนไข คือ
  1. มีเงื่อนไขในการยกเว้นภาษี ในกรณีนี้ ผู้ที่เสียภาษีในต่างประเทศแล้ว จะได้รับการยกเว้นภาษีในประเทศไทย แม้จะมีการนำเงินได้เข้ามาและอยู่ในประเทศไทยเกิน 180 วัน

  2. มีเงื่อนไขในการเครดิตภาษี ในกรณีที่ผู้เสียภาษีได้มีการจ่ายภาษีในต่างประเทศแล้ว สามารถนำภาษีที่จ่ายมาเครดิตกับภาษีที่ต้องจ่ายในไทยได้  ยกตัวอย่างเช่น จ่ายภาษีในต่างประเทศแล้ว 200 บาท หากอยู่ในไทยเกิน 180 วันและมีการนำรายได้มาคำนวณเพื่อเสียภาษี 220 บาท ผู้เสียภาษีจะสามารถนำเครดิต 200 บาท ที่จ่ายภาษีในต่างประเทศมาใช้ ทำให้ผู้เสียภาษีจ่ายภาษีในไทยแค่ 20 บาท

**** ทั้งนี้อาจมีรายละเอียดอื่น ๆ ผู้เสียภาษีจึงควรทำการศึกษาอนุสัญญาภาษีซ้อน (Double Tax Agreement) อย่างถี่ถ้วน เพื่อลดข้อผิดพลาดที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย

 

หลักจากที่ทุกคนอ่านข้อสรุปแล้ว คงทำให้หลายๆ คนเข้าใจคำสั่งสรรพกรฉบับนี้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ณ ปัจจุบันยังมีแค่การออกคำสั่งจากสรรพากรเพียงฉบับเดียว ยังต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีการเปลี่ยนกฎหมาย หรือออกแนวทางอะไรบ้างเพื่อมารองรับคำสั่งดังกล่าว หากมีประกาศเพิ่มเติมทาง Chic Accounting จะนำมาสรุป เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น