4 จุดเสี่ยงด้านภาษี ที่ผู้ประกอบการควรรู้

4 จุดเสี่ยงด้านภาษี ที่ผู้ประกอบการควรรู้

4 จุดเสี่ยงด้านภาษี ที่ผู้ประกอบการควรรู้

ที่ผู้ประกอบการควรรู้ผู้ประกอบการทุกคนต่างคาดหวังให้ธุรกิจของตนเองราบลื่นและมีกำไรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจแล้ว อีกสิ่งที่ต้องให้ความสนใจ คือ จุดเสี่ยงด้านภาษี เนื่องจากกรมสรรพากรได้มีการประกาศใช้ และดำเนินงานเกี่ยวกับการตรวจสอบภาษีอย่างต่อเนื่อง และจริงจังด้วยการใช้ระบบบิ๊กดาต้า (Big Data) ในการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ว่าธุรกิจใดมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงเลี่ยงภาษี ซึ่งหากธุรกิจเข่าข่ายความผิดที่สรรพกากรกำหนด อาจจะนำไปสู่การเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง โดนเบี้ยปรับ หรือโดนดำเนินคดีตามกฎหมายได้

วันนี้เราจึงสรุป 4 จุดเสี่ยงด้านภาษีที่ผู้ประกอบการควรรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษีที่กรมสรรพากรจับตามอง

จุดเสี่ยงด้านภาษีเกี่ยวกับสินทรัพย์ สินทรัพย์ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจและเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรให้ความสำคัญ และจะจับตามองเป็นพิเศษซึ่งจะสามารถจับ จุดเสี่ยงด้านภาษี ที่ผู้ประกอบการควรรู้กรณีดังนี้

  • ผู้ประกอบการที่ใช้เงินสดเป็นหลักในการประกอบกิจการ จุดเสี่ยงด้านภาษีโดยเกิดจากการที่กิจการใช้เงินสดโดยไม่ผ่านการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสถาบันการเงินอย่างธนาคาร ซึ่งหลายคนมักมีความเข้าใจว่า การใช้เงินสดจะทำให้สรรพากรไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว งบการเงินจะแสดงให้ว่ามีการทำรายการที่ผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้สรรพากรมีการเพ่งเล็งมากยิ่งขึ้น
  • จำนวนการแสดงยอดสินค้าคงเหลือไม่ถูกต้อง จุดเสี่ยงด้านภาษีเกิดจากสินค้ามีจำนวนที่ขาด หรือเกินซึ่งไม่ตรงกับจำนวนในความเป็นจริง และไม่ได้รับการจดบันทึกที่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลให้เห็นว่ากิจการอาจมีการแสดงรายได้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
  • จำนวนทรัพย์สินมีมากกว่าปกติหรือไม่มีอยู่เลย จุดเสี่ยงด้านภาษีเกิดจากจำนวนสินทรัพย์ที่มีความผิดปกติ โดยสรรพากรจะพิจารณาจากธุรกิจเป็นหลัก ซึ่งหากไม่มีความสอดคล้องกับความเป็นจริงการทำแบบนี้จะเข้าข่ายการจัดแต่งบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเมื่อมี

จุดเสี่ยงด้านภาษีที่เกี่ยวกับหนี้สินและทุน

ภาระหนี้สินและเงินทุนเป็นสิ่งที่จะต้องมีความสัมพันธ์กัน หากว่าสรรพากรตรวจสอบว่า ตัวเลขเงินลงทุนและหนี้สินมีความผิดปกติ ก็อาจมีการเรียกตรวจสอบจากสรรพากรได้เช่นกัน

  • มีการแสดงผลประกอบการที่ออกมาถือว่าขาดทุน จุดเสี่ยงด้านภาษีเกิดจาก งบการเงินที่แสดงผลประกอบการว่าขาดทุนอย่างต่อ แต่ในขณะเดียวกันภายในงบบัญชีก็ยังมีรายการเงินกู้ยืมให้แก่กรรมการจำนวนมากที่ไม่สามารถทำการชี้แจงได้
  • การแสดงงบบัญชีที่ขาดทุนสะสมมาเป็นเวลานาน   จุดเสี่ยงด้านภาษีเกิดจากในกรณีที่กิจการมีการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แต่กลับมีเงินให้กรรมการกู้ยืมซึ่งเป็นข้อโต้แย้งได้ว่าในเมื่อกิจการขาดทุนทำไมถึงยังมีเงินกู้ยืมแก่กรรมการ แทนที่จะนำเงินกู้ยืมเหล่านั้นมาช่วยเหลือกิจการให้ผ่านช่วงเวลาแห่งการขาดทุนไป หรือมีการกาดทุนเป็นระยะเวลานาน แต่ยังมีการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นข้อสังเกตที่ทำให้สรรพากรเข้ามาตรวจสอบ หรือมีข้อสงสัยว่าผู้ประกอบการมีการตกแต่งบัญชีที่ขัดกับหลักความเป็นจริง
  • มีเงินกู้ยืมกรรมการมากไป   จุดเสี่ยงด้านภาษีเกิดจากเงินกู้ยืมกรรมการที่มากผิดปกติ ซึ่งจริงๆ แล้วสำหรับธุรกิจ เงินกู้ยืมกรรมาการสามารถทำได้ แต่จะต้องมีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจที่ไม่มีตรงจุดนี้ หากสรรพากรถามหรือเรียกตรวจ จะถือว่าผิดปกติทันที

จุดเสี่ยงด้านภาษีเกี่ยวข้องกับรายได้

ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กิจการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และหลายคนมักจะผิดพลาดตรงจุดต่าง ๆ ดังนี้

  • มีการบันทึกรายได้ไม่ถูกต้อง จุดเสี่ยงด้านภาษีเกิดจากการขายที่ไม่ออกใบกำกับภาษี ซึ่งจะส่งผลให้การตรวจสอบรายได้มีปัญหา  ดังนั้นทุกครั้งที่ผู้ประกอบการขายสินค้ามีการออกใบกำกับภาษีรายได้ของผู้ประกอบการจะถูกต้องครบถ้วน
  • บันทึกรายการรายได้ไม่ครบถ้วนจึงทำให้บัญชีดูเหมือนมีความปกติ อย่างเช่นการแจ้งว่ามีรายได้ต่ำ แต่ก็ยังมีเงินเหลือมากพอจะให้กรรมการกู้ยืม

จุดเสี่ยงด้านภาษีที่เกิดจากค่าใช้จ่าย

เป็นต้นทุนของกิจการ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องทำการลงบันทึกค่าใช้จ่ายให้ถูกต้องและจะต้องมีหลักฐานการจ่ายประกอบให้เรียบร้อย ถึงจะถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในทางภาษีได้ โดยจุดเสี่ยงที่ทำให้สรรพากรจับตามอง มีดังนี้

  • มีการบันทึกค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่จำนวนของรายได้กลับลดลง ซึ่งมีความสวนทางกับความเป็นจริงที่ควรจะเป็น       จุดเสี่ยงด้านภาษีนี้ทำให้กรมสรรพากรจดธุรกิจของคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเลี่ยงภาษี
  • การบันทึกค่าใช้จ่ายที่สูง เมื่อเทียบกับรายได้ จุดเสี่ยงด้านภาษีในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อกรมสรรพากรนำรายได้ของกิจการไปเปรียบเทียบกับธุรกิจในลักษณะเดียวกัน เช่นการเปรียบเทียบ ณ รอบบัญชีเดียวกัน และการเติบโตของธุรกิจ และหากพบว่ามีการบันทึกค่าใช้จ่ายมากกว่าความเป็นจริง อาจนำไปสู่การเรียกตรวจได้ทันที
  • การสร้างรายจ่ายที่เป็นเท็จ ปัจจุบันมีการสร้างรายจ่ายที่เป็นเท็จหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นค่าที่ปรึกษา ค่านายหน้า ค่าขนส่ง และค่าแรงต่าง ๆ  จุดเสี่ยงด้านภาษีเกิดจากที่ผู้ประกอบการอาจจะลืมนึกไปว่าผู้ที่รับรายได้แทน อาจมีรายได้ทางอื่น ๆ หรือ อยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกลิงค์ไว้เข้าด้วยกัน และเจ้าหน้าที่สรรพากรสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งแน่นอนว่าการปลอมแปลงข้อมูลในลักษณะดังกล่าว เป็นความผิดทางอาญา ซึ่งสามารถนำไปสู่การรับโทษได้ อีกทางหนึ่งการที่มีค่าใช้จ่ายมากเกินไปทำให้งบการเงินไม่สวยมากนัก จะส่งผลต่อการกู้ยืมเงินในอนาคต

ทั้งหมดนี้เป็นจุดเสี่ยงด้านภาษี ที่ไม่ควรมองข้าม และควรทำให้ถูกต้อง ซึ่งหากมีข้อสงสัยในเรื่องภาษี บัญชี และอยากให้มีความราบลื่นในการดำเนินธุรกิจ สามารถปรึกษา Chic accounting สำนักบัญชีที่เป็นผู้ช่วยเหลือในด้านภาษี บัญชี ปิดงบ อย่างผู้เชี่ยวชาญ

ที่มา : https://www.rd.go.th/272.html